การเลือกขนาดกล่องพัสดุให้เหมาะกับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงช่วยให้สินค้าได้รับการปกป้อง แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในยุคที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การเลือก กล่องพัสดุ ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้อีกด้วย การเลือกขนาดกล่องที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการให้การขนส่งมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะพาคุณไปดู ขนาดกล่องพัสดุ ที่นิยมใช้ในประเทศไทย พร้อมวิธีเลือกขนาดกล่องที่เหมาะสมกับสินค้าของคุณกัน

ขนาดกล่องพัสดุ สำหรับสินค้า ขนาด เล็ก-ใหญ่
นี่คือตารางขนาดกล่องพัสดุต่างๆ ที่ใช้สำหรับสินค้าหลากหลายประเภท
ขนาดกล่อง | ขนาด (ซม.) | เหมาะสำหรับสินค้า |
กล่องพัสดุเบอร์ 00 | 9.75 x 14 x 6 | สินค้าขนาดเล็กมาก เช่น ของขวัญเล็ก ๆ, สินค้าแบรนด์เนมขนาดเล็ก |
กล่องพัสดุเบอร์ 0 | 11 x 17 x 6 | สินค้าขนาดเล็ก เช่น ถุงเท้า, เครื่องสำอาง, สินค้ากิ๊ฟช็อป |
กล่องพัสดุเบอร์ A | 14 x 20 x 6 | สินค้าขนาดเล็กถึงกลาง เช่น เสื้อผ้าชิ้นเล็ก |
กล่องพัสดุเบอร์ B | 17 x 25 x 9 | สินค้าขนาดกลาง เช่น เสื้อผ้า, เครื่องสำอาง, สินค้าบริโภคทั่วไป |
กล่องพัสดุเบอร์ C | 20 x 30 x 11 | สินค้าขนาดกลาง เช่น กระเป๋าเล็ก ๆ หรือของใช้ในครัวเรือน |
กล่องพัสดุเบอร์ D | 22 x 35 x 14 | สินค้าขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น รองเท้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก |
กล่องพัสดุเบอร์ E | 24 x 40 x 17 | สินค้าขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าแบรนด์เนมขนาดใหญ่, ของใช้ในครัวเรือนขนาดใหญ่ |
กล่องพัสดุเบอร์ F | 30 x 45 x 20 | สินค้าขนาดใหญ่มาก เช่น ต้นไม้เล็ก ๆ หรือตุ๊กตาขนาดใหญ่ |
วิธีเลือกขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้า
การเลือกขนาดกล่องพัสดุให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณเป็นขั้นตอนที่สำคัญทั้งในด้านการประหยัดต้นทุนการขนส่งและการปกป้องสินค้าให้ปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง การเลือกกล่องที่พอดีกับสินค้าจะช่วยให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้
1.พิจารณาขนาดและรูปร่างของสินค้า
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจขนาดและรูปร่างของสินค้าที่จะส่ง หากสินค้าของคุณมีขนาดเล็กและเป็นรูปทรงสม่ำเสมอ เช่น สินค้าแฟชั่น หรือเครื่องสำอาง การเลือกกล่องที่มีขนาดพอดีกับสินค้าจะช่วยให้สินค้าไม่เลื่อนหรือขยับไปมาในระหว่างการขนส่ง แต่ถ้าสินค้าของคุณมีรูปร่างที่ไม่สมมาตร เช่น ของใช้ในบ้านหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า คุณอาจต้องใช้กล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดสินค้าเล็กน้อย เพื่อให้สามารถใส่วัสดุกันกระแทกได้
2.ต้องมีพื้นที่เหลือสำหรับกันกระแทก
แม้จะเลือกกล่องที่พอดีกับสินค้าแล้ว การมีพื้นที่เล็กน้อยในกล่องเพื่อใส่วัสดุกันกระแทกเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่บอบบาง เช่น เครื่องแก้ว, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าที่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ จากนั้นให้ใส่ฟองน้ำ, พลาสติกกันกระแทก หรือวัสดุรองอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่สินค้าอาจจะเสียหายในระหว่างการขนส่ง
3.หลีกเลี่ยงการใช้กล่องใหญ่เกินไป
การเลือกกล่องที่ใหญ่เกินไปไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากจะเพิ่มต้นทุนในการขนส่ง กล่องที่ใหญ่เกินไปจะต้องการการจัดการที่มากขึ้น เช่น การห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกมากขึ้น ทำให้ค่าขนส่งสูงขึ้น นอกจากนี้สินค้ายังอาจเคลื่อนไหวและได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งได้ง่าย
ดังนั้นควรเลือกขนาดกล่องที่มีขนาดพอเหมาะพอดีกับสินค้าของคุณ
4.เลือกกล่องที่มีความแข็งแรงพอสมควร
นอกจากการเลือกขนาดกล่องแล้ว ความแข็งแรงของกล่องก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะสินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือสินค้าที่บอบบาง ควรเลือกกล่องที่มีความหนาและทนทาน ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งปลอดภัยและมั่นใจว่าสินค้าจะไม่เกิดความเสียหาย
5.พิจารณาน้ำหนักของสินค้า
น้ำหนักของสินค้าก็มีผลต่อการเลือกขนาดกล่องด้วย หากสินค้ามีน้ำหนักมาก ควรเลือกกล่องที่แข็งแรงและสามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม โดยไม่เลือกกล่องที่บางเกินไป เพราะอาจทำให้กล่องฉีกขาดหรือยุบตัวได้ในระหว่างการขนส่ง
6.พิจารณาเงื่อนไขของบริษัทขนส่ง
ทุกบริษัทขนส่งมักจะมีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับขนาดและน้ำหนักของพัสดุ เช่น การจำกัดขนาดกล่องสูงสุดและผลรวมของความยาว, ความกว้าง และความสูงที่สามารถส่งได้ ก่อนเลือกกล่องพัสดุ ควรตรวจสอบข้อกำหนดของบริษัทขนส่งที่จะใช้ เพื่อให้การขนส่งไม่เกิดปัญหาหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
สาระน่าอ่าน: ขายออนไลน์เลือกกล่องพัสดุ กล่องบรรจุภัณฑ์ให้ดี พิชิตใจลูกค้า
ข้อกำหนด และเงื่อนไขเกี่ยวกับ ขนาดกล่องพัสดุ ของบริษัทขนส่ง
ในการเลือกขนาดกล่องพัสดุยังต้องคำนึงถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริษัทขนส่งต่าง ๆ ที่อาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของพัสดุ ดังนี้
1.ไปรษณีย์ไทย
- ขนาดกล่องพัสดุจะต้องไม่เกิน 60 เซนติเมตร (ด้านยาวที่สุด)
- ผลรวมของความยาว, ความกว้าง และความสูงต้องไม่เกิน 150 เซนติเมตร
2.Kerry Express
- ขนาดกล่องพัสดุจะต้องไม่เกิน 200 เซนติเมตร (ด้านยาวที่สุด)
- ผลรวมของความยาว, ความกว้าง และความสูงต้องไม่เกิน 300 เซนติเมตร
3.J&T Express
- ขนาดกล่องพัสดุจะต้องไม่เกิน 150 เซนติเมตร (ด้านยาวที่สุด)
- ผลรวมของความยาว, ความกว้าง และความสูงต้องไม่เกิน 250 เซนติเมตร
การทำความเข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกขนาดกล่องได้อย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงปัญหาในการขนส่งที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
การเลือกขนาดกล่องพัสดุ ที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการขนส่งสินค้า ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรเลือกขนาดกล่องให้พอดีกับขนาดสินค้าของคุณ พร้อมทั้งคำนึงถึงการกันกระแทกและข้อกำหนดของบริษัทขนส่งต่างๆ เพื่อให้การขนส่งเป็นไปได้อย่างราบรื่นและประหยัดที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม: ประเภทกล่องพัสดุ ที่นิยมใช้ และข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละรูปแบบ